ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร ?
- NONSTOP-EA
- 29 เม.ย. 2563
- ยาว 3 นาที
อัปเดตเมื่อ 4 พ.ค. 2563
Forex คืออะไร เล่นอย่างไร เทรดฟอเร็กซ์รวยเร็วจริงหรือ ทำไมถึงเป็นการลงทุนที่ได้รับความนิยม มาเริ่มทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กัน

Forex คืออะไร
Forex คือ ธุรกรรมการแลกเปลี่ยนสกุลเงินหนึ่งกับอีกสกุลเงินหนึ่ง โดยคำศัพท์ Forex มาจากคำเต็มว่า “Foreign Exchange” ซึ่งหากยึดตามความหมายในพจนานุกรม Oxford คำว่า Forex จะมีความหมายได้ทั้งตัวธุรกรรม ระบบการแลกเปลี่ยน รวมถึงตลาดซึ่งใช้แลกเปลี่ยนสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม ในแวดวงนักลงทุน นิยมใช้คำว่า Forex แทนตัว “ธุรกรรม” เท่านั้น
ทั้งนี้ หากต้องการพูดถึง “ตลาดแลกเปลี่ยน” จะใช้คำว่า Forex Market (Foreign Exchange Market) โดยการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดังกล่าว เราอาจเรียกติดปากว่า “การซื้อขายสกุลเงิน” เพราะหากเรานำเงินบาทที่เรามี ไปแลกกลับมาเป็นเงินดอลลาร์ ในความรู้สึกของเรามันคือการ “ขายเงินบาท” เพื่อ “ซื้อดอลลาร์” กลับคืนมานั้นเอง
Forex = แลกเปลี่ยนสกุลเงิน
แลกเปลี่ยน, ซื้อขาย = “เทรด”
อย่างไรก็ตาม คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการเทรด Forex มาบ้างว่าสามารถสร้างกำไรหรือสร้างรายได้ให้อย่างสม่ำเสมอ นักวิชาการบางคนก็ว่า Forex คือการพนัน บางคนก็ว่าไม่ใช่ หรือบางคนก็อาจจะเคยได้ยินมาว่า การเทรด Forex คือการเก็งกำไรที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งในปี 40 บ้าง วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่า แท้จริงแล้ว Forex คืออะไร? เทรด Forex สร้างกำไรได้จริงไหม เป็นการพนันเปล่า หลังจากที่ได้อธิบายคำนิยามไปข้างต้นแล้ว ต่อไปนี้จะแบ่งอธิบายเป็นหัวข้อๆ ดังต่อไปนี้
ตลาด Forex คืออะไร : ทำความเข้าใจกับ Forex Market ให้มากขึ้น
หุ้น Forex? : ความแตกต่างบางประการระหว่างตลาด Forex กับ ตลาดหุ้น
การเทรด Forex รวยได้จริงไหม : มีวิธีการทํากําไรอย่างไร
สรุป : เทรด Forex คืออะไร – เริ่มเทรด Forex เบื้องต้น ต้องศึกษาอะไรบ้าง
ติดตามข่าว Forex, ข่าวเศรษฐกิจ : ต้องดูตรงไหน?
ตลาด Forex คืออะไร : ทำความเข้าใจกับ Forex Market ให้มากขึ้น
คำว่า “Foreign Exchange Market” หลังจากนี้จะเรียกสั้นๆ ว่า “ตลาด Forex” โดยตลาด Forex หมายถึงสถานที่อันถูกใช้เป็นที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างๆ ทั้งนี้ เหมือนเวลาที่เราพูดว่า “ตลาดหุ้น” มันก็หมายถึง ตลาดที่เปิดให้ซื้อขายหุ้นของบริษัทต่างๆ
เช่นเดียวกับคำว่า “ตลาด Forex” มันก็ย่อมหมายถึง ตลาดที่เปิดให้ซื้อขาย (แลกเปลี่ยน) สกุลเงินของประเทศต่างๆ นั้นเอง อย่างไรก็ตาม คำว่า “ตลาด Forex” มักใช้เรียกอย่างเฉพาะเจาะจงกับตลาดแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น ลองนึกภาพว่า เราจะไม่พูดทำนองว่า “ไปแลกเงินที่ตลาด Forex กัน” หรือ “Superrich เป็นตลาด Forex” ถ้าพูดว่า “เทรดฟอเร็กซ์” ก็หมายถึงเทรดบนระบบออนไลน์ ไม่ใช่เดินไปแลกเงินที่ร้าน
Note
ตลาด Forex = สถานที่ซึ่งเป็นระบบออนไลน์ที่ให้ซื้อขายสกุลเงิน
คุณสามารถเปิดบัญชีเทรดฟอเร็กซ์ได้ฟรีกับโบรกเกอร์ Forex ที่เป็นพันธมิตรและได้รับความเชื่อมั่นอย่างสูงจาก Wiffpost.com โดยคุณสามารถฝึกเทรดฝึกได้ด้วยระบบบัญชีเงินทดลอง (Demo Account) ผ่านแพลตฟอร์มการเทรดระดับโลกอย่าง MetaTrader ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เทรดและเรียนรู้สภาพของตลาดการเงินจริงๆ ราคาจริงๆ คำนวณราคาได้เหมือนเงินจริงทุกประการ ซึ่งระบบจะไม่มีการบังคับให้คุณต้องเติมเงินหรือชำระค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพียงคลิกที่หน้าต่างการเทรดด้านล่างนี้!
ตัวอย่างน้าต่างของการเทรด Forex ในระบบออนไลน์
ทั้งนี้ด้วยความที่มันเป็นระบบออนไลน์ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก (Global Marketplace) เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต ใครๆ ก็สามารถเข้ามาเทรดสร้างกำไรได้ ทำให้ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ด้วยมูลค่าการซื้อขายวันละประมาณ 5 ล้านล้านดอลลาร์ ใหญ่กว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กที่มีมูลค่าการซื้อขายเพียง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อวัน
Note : สภาพคล่องหมายถึงความสามารถในการแลกเปลี่ยนสินค้า โดย Forex Market คือตลาดที่มีปริมาณสินค้า (สกุลเงิน) มหาศาลและมีความต้องการซื้อขายกันตลอดเวลา เรียกว่า “มีสภาพคล่องสูง” อยากซื้อเมื่อไหร่ ก็สามารถซื้อได้ในราคานั้นทันที
หุ้น Forex? : ความแตกต่างบางประการระหว่างตลาด Forex กับ ตลาดหุ้น
ในเบื้องเราควรทราบด้วยว่า ตลาด Forex มีความแตกต่างบางประการกับตลาดหุ้น โดย …
ตลาดหุ้นโดยทั่วไปคือ “ตลาดที่จัดตั้งอย่างเป็นทางการ” (Organized Market) อธิบายก็คือ จะมี “องค์กรกลาง” ทำหน้าที่เป็นสถานที่สำหรับซื้อขายหุ้น ทุกการซื้อขายของนักลงทุนจะเกิดขึ้นภายใต้การควบคุมและกำกับดูแลขององค์กรกลางดังกล่าว ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่เรียกว่า “Centralized Market” สำหรับประเทศไทย องค์กรกลางดังกล่าวก็คือ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย”
กลับกัน ตลาด Forex เป็นตลาดในลักษณะที่เรียกว่า “OTC” (Over The Counter) ซึ่งก็คือการที่มันไม่มี “องค์กรกลาง” ทำหน้าที่เป็นตลาดทางการ การซื้อขายใดๆ จึงไม่ได้อยู่ภายใต้ตลาดทางการดังกล่าว (Decentralized Market) ทั้งนี้ จะเป็นการเทรดผ่านบริษัท Broker ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลคำสั่งซื้อขายของเรา (ผ่านซอฟแวร์อัตโนมัติ) เพื่อจับคู่คำสั่งซื้อขายของเราเข้ากับ Dealer ย่อยๆ หรืออาจส่งตรงไปถึงสถาบันการเงินที่อยู่ปลายทาง
ข้อมูลจาก Gutmann จำลองภาพการจับคู่คำสั่งซื้อขาย จะเห็นว่า หลังจากผ่านขั้นตอนของ Broker (สี่เหลี่ยมสีแดง) ไปแล้ว หลังจากนั้นจะเป็น Dealer เจ้าต่างๆ ที่เราไม่มีโอกาสรู้เลยว่า คำสั่งซื้อขายของเราจะได้ไปจับคู่ที่ตรงไหน
ระบบการจับคู่มีความซับซ้อนมาก บริษัท Broker เองก็อาจมีแผนก Dealer ของตัวเอง ทำให้การจับคู่คำสั่งซื้อขายสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกๆ กระบวนการ อาจจับคู่คำสั่งจบกันตั้งแต่ภายใน Broker หรือส่งต่อไปผู้ให้สภาพคล่องปลายทาง (Liquidity Provider)
ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ “รับซื้อ” คำสั่งซื้อขายของเราดังกล่าว (เป็นผู้มาช่วยรับประกันว่า คำสั่งซื้อขายของเราจะได้รับการสั่งซื้อ (Filled) เช่น ถ้าเราอยากขาย เขาก็จะมาเป็นผู้ซื้อ—ถ้าเราอยากซื้อ เขาจะมาเป็นผู้ขายให้) ไม่ว่าจะเป็น Dealer รายย่อยหรือสถาบันใหญ่ๆ เราเรียกรวมๆ ว่า “ผู้ให้สภาพคล่อง” (Liquidity Provider)
Note
ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่จัดตั้งอย่างเป็นทางการ หรือ “Organized Market”
ทุกคำสั่งซื้อขายเกิดขึ้นภายใต้ตลาดทางการ เรียกลักษณะนี้ว่า “Centralized Market”
ตลาด Forex เป็นตลาดแบบ OTC ( Over The Counter ) หรือก็คือ “ไม่มีองค์กรกลาง”
คำสั่งซื้อขายในตลาด Forex อาจจับคู่กับ Dealer เจ้าไหนก็ได้ผ่านระบบซอฟแวร์อัตโนมัติ เรียกลักษณะนี้ว่า “Decentralized Market”
ผู้ที่มาช่วยรับซื้อคำสั่งซื้อขายของเรา เรียกว่า (Liquidity Provider)
นอกจากนี้ ในตลาดหุ้นจะให้ซื้อเป็นหุ้นเป็นตัวๆ (หุ้นแต่ละตัวเทียบมูลค่าเป็นเงินบาท) ในขณะที่ตลาด Forex จะให้เลือกเทรดเป็น “คู่เงิน” เช่น USDJPY (ดอลลาร์เทียบมูลค่ากับเงินเยน) อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่เงินได้ที่ – คู่เงิน “Currency Pair” คืออะไร : ทำความรู้จัก “คู่เงิน Forex ที่วิ่งแรง”
การเทรด Forex รวยได้จริงไหม : มีวิธีการทํากําไรอย่างไร
ตอบก่อนเลยว่า “จริง!” อย่างที่อธิบายไปว่า Forex เป็นการ “แลกเปลี่ยน” มันจึงมีราคา (มูลค่า) เข้ามาเกี่ยวข้อง หากสกุลเงินที่เราถือครองอยู่มีมูลค่ามาก เราก็จะแลกเปลี่ยนไปเป็นสกุลเงินอื่นๆ ได้ในปริมาณมาก และนี่คือคำตอบว่า หัวใจของการสร้างกำไรในตลาด Forex คืออะไร (ความผันผวนนั่นเอง) ทั้งนี้ ราคาสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างแต่ละสกุลเงิน เราเรียกว่า “อัตราแลกเปลี่ยน” (หลังจากนี้จะเรียกว่า “ราคา”)
เนื่องจากตลาด Forex มีความผันผวนสูง ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อนักเทรด มันทำให้ “อัตราแลกเปลี่ยน” มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กำไรในการเทรดจะเกิดจาก การที่เราซื้อสกุลเงินหนึ่งเก็บไว้ แล้วราคาในการแลกเปลี่ยนเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยสกุลเงินที่เราถืออยู่มีมูลค่าสูงขึ้น เราก็จะสามารถขายสกุลเงินดังกล่าวออกไป “ด้วยราคาที่แพงกว่าตอนซื้อมา”
Note
กำไรเกิดจาก “ซื้อสกุลเงินมาถูก แล้วขายออกในราคาที่แพงกว่า” – Common Sense แหละ
ความผันผวนทำให้อัตราแลกเปลี่ยนหรือ “ราคา” เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
กำไรขาดทุน จึงมักเกิดขึ้นได้รวดเร็ว และตลอดเวลา
ภาพบนคือกราฟราคาของสกุลเงินปอนด์เมื่อแลกเป็นดอลลาร์ (GBPUSD) เราจะเห็นว่า ในแต่ละวัน (เส้นประแนวตั้งคือเส้นแบ่งวัน) อัตราแลกเปลี่ยนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตั้ง 25 – 100 Points เลยทีเดียว โดยในภาพแรกนั้น เมื่อราคาทะลุกรอบ (กรอบไซด์เวย์) ราคาก็มักจะเคลื่อนเป็นแนวโน้มต่อไป เพียงเวลาไม่กี่นาที ราคาก็ขยับจาก 1.28900 ไปถึง 1.29150 หรือ 250 Points
หากเทรดด้วยขนาดสัญญามาตรฐานที่ 1 Lot ก็จะคิดเป็นกำไรเท่าไหร่ [1 Lot x 250 Points = 250 USD] หรือถ้าจะให้ขายฝันหน่อยก็คือ 7,500 กว่าบาทภายในเวลาแค่ 15 นาที !
สิ่งที่ทำให้ การเทรด Forex ได้รับความนิยมก็คือ “ความผันผวน” อย่างที่อธิบายไปข้างต้นว่า มันทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งทำให้เทรดเดอร์สามารถหาจังหวะในการเข้าเทรดได้ตลอดเวลาเช่นกัน ให้ลองสังเกตตารางการเปลี่ยนแปลงของราคาของคู่เงิน GBPJPY ด้านล่าง
ในช่อง Change % ด้านขวาสุด จะเห็นว่า สถิติของคู่เงิน GBPJPY เกือบทุกๆ วัน ราคาจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างสูง ตั้งแต่วันละ 200 ถึง 2,500 Points เลยทีเดียว
เทรดเดอร์ต้องการการเปลี่ยนแปลงของราคาเพียง 100-200 Points ก็สามารถทำกำไรได้แล้ว แต่จากสถิติเราจะเห็นแล้วว่า ในแต่ละวัน ราคาเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงเยอะกว่านั้นมากๆ เมื่อเราไปดูจากกราฟราคาจะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นว่า ในแต่ละวัน ตลาด Forex เปิดโอกาสให้เราหาจังหวะเข้าไปเก็งกำไรได้ตลอดเวลา ขอเพียงเรารู้เทคนิคในการเข้าเทรด เราก็สามารถทำกำไรได้ไม่ยาก
เทรดเดอร์มักหาจังหวะที่เป็น “จุดกลับตัว” ของกราฟเพื่อเข้าไปเทรดเก็งกำไร
Note
การเทรด Forex เป็นวิธีสร้างกำไรที่ดี เนื่องจากตลาดมักมีความผันผวนตลอดเวลา
ในแต่ละวัน ราคาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ 200 – 2,500 Points เลยทีเดียว
ในระยะสั้นๆ เทรดเดอร์อาจเก็บส่วนต่างเพียง 100-200 Points ก็เพียงพอที่จะสร้างกำไรได้มากแล้ว
ขอเพียงได้ศึกษาเทคนิคการเทรด “ทุกคน” ก็สามารถเป็นนักเทรดที่สร้างกำไรได้
สรุป : เทรด Forex คืออะไร – เริ่มเทรด Forex เบื้องต้น ต้องศึกษาอะไรบ้าง
เมื่อพอได้คำตอบแล้วว่า Forex คืออะไร ขั้นต่อไปคือการเรียนรู้ “วิธี” การเทรด Forex โดยวิธีการเรียนรู้ที่รวดเร็วคือให้ลองใช้งานจริงเลย โดยเราต้องเปิดบัญชีเทรดกับ Broker ก่อน ทั้งนี้ ทุกๆ Broker จะมีบัญชีทดลอง (Demo) ให้เราฝึกเทรดได้เรื่อยๆ แบบฟรีๆ
เราจะได้เรียนรู้ขั้นตอนการเทรดจากการใช้งานจริงผ่านบัญชี Demo ได้เลย การเทรดโดยบัญชี Demo จะเหมือนเทรดในตลาดจริงทุกประการ ทั้งเวลา ราคา สภาพแวดล้อมต่างๆ เพียงแต่เงินในบัญชีเป็น “เงินปลอม” ที่ระบบสร้างให้เราไว้ลองเทรดเท่านั้นเอง
เทรดกับ Broker ที่เป็นพันธมิตรกับ WiffPost |เปิดบัญชีเทรดได้ที่นี่
เมื่อเราได้บัญชีเทรด Forex แล้ว เราจะต้องเทรดผ่านแพลตฟอร์มที่ชื่อว่า MT4, MT5 ตัวโปรแกรมถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย เทรดเดอร์มักใช้เวลาไม่นานในการเรียนรู้วิธีการซื้อขายในโปรแกรม MT4 อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถอ่านรายละเอียดการใช้งานได้อย่างละเอียดได้ที่ : การใช้งานโปรแกรม MT4)
ต่อไปจะเป็นเรื่องที่ทุกคนน่าจะอยากรู้มากที่สุด นอกเหนือจากวิธีใช้งานโปรแกรมแล้ว จะเริ่มศึกษา “เทคนิค” การเทรด Forex ต้องเริ่มจากจุดไหน ก่อนอื่นต้องตระหนักว่า องค์ประกอบสำคัญที่ใช้ในการเทรด โดยทั่วๆ ไปที่แบ่งไว้เป็น 3 องค์ประกอบ 1. ขั้นตอนการวิเคราะห์ราคา-สถานการณ์ 2. ขั้นตอนเกี่ยวกับการบริหารเงินทุนให้สอดรับกับข้อแรก และสุดท้าย ข้อ 3. เป็นเรื่องนโยบายในภาพรวม เพื่อให้สามารถดำเนินการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การวิเคราะห์ : การวิเคราะห์คือการทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะของสินทรัพย์ ณ ขณะนั้นๆ เพื่อใช้เป็นข้อได้เปรียบในการเข้าเทรด การวิเคราะห์โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 หมวด [1] การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) [2] การวิเคราะห์ข่าว-ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
บริหารเงินทุน : หรือที่ตำราทั่วไปเรียกว่า “Money Management” เมื่อเราสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ของราคา-เหตุการณ์ได้แล้ว เราต้องมีเทคนิคในการควบคุม “เงินที่ใช้เทรด” ว่า ในการเทรดแต่ละครั้ง แต่ละวัน แต่ละรอบ ฯลฯ เราจะกำหนดเงินทุนในการเทรดอย่างไร เท่าไหร่ มีผ่อนหนักผ่อนเบาอย่างไร
นโยบายในภาพรวม : ส่วนนี้จะเป็นเรื่องทั้งกว้างและลึก โดยในภาพกว้างจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายการปฏิบิติในการเทรด เราจะวางแผนอย่างไร ควบคุมตัวเองอย่างไร จะใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างไร มันคือทุกๆ เรื่องที่ทำให้การเทรดมีระบบระเบียบ ส่วนใน “ภาพลึก” คือเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมสภาวะจิตใจให้ทำหรือไม่ทำ ให้รู้สึกหรือไม่รู้สึกอย่างไรต่อสถานการณ์ต่างๆ ฯลฯ เราเรียกประเด็นนี้ว่า “จิตวิทยา” หรือ “Trading Psychology”
ในโลกของการเทรดมีเทคนิคมากมาย มันเลยจุดที่ต้องมาถามแล้วว่า Forex คืออะไร กราฟเทคนิคใช้ได้ไหม เพราะมีคนมากมายทำเงินจากตรงนี้ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปจะแบ่งกันหยาบๆ เป็น “วิเคราะห์กราฟ” (เทคนิค) กับ “วิเคราะห์ข่าว” (ปัจจัยพื้นฐาน) และเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง WiffPost จึงได้แบ่งเป็นหมวด “ความรู้ Forex” ซึ่งทีมงานได้เขียนอธิบายแต่ละองค์ประกอบโดยละเอียด ผู้อ่านสามารถอ่านไล่ลำดับกันไปตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงขั้นสูง โดยสามารถเริ่มจากบทความ “ปูพื้นฐาน” ดังต่อไปนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) คืออะไร : มีเครื่องมือประเภทใดบ้าง (Soon)
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) คืออะไร : ใช้ได้กับสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง (Soon)
เทคนิคการบริหารเงินทุนเบื้องต้น (Soon)
จิตวิทยา 101 (Soon)
ติดตามข่าว Forex, ข่าวเศรษฐกิจ : ต้องดูตรงไหน?
นักเทรด Forex จะใช้ปฏิทินเศรษฐกิจของ Investing.com เป็นตัวอ้างอิงเหตุการณ์การประกาศตัวเลขสำคัญต่างๆ เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมมาได้อย่างครบถ้วน โดยปฏิทินเศรษฐกิจจะบอกรายละเอียดล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เลยว่า แต่ละสัปดาห์จะมีประกาศตัวเลขเศรษฐกิจอะไรบ้าง และจำแนกให้ว่า ข่าวใดจะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินอะไร มากน้อยขนาดไหน ทำให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับ WiffPost เองก็มีบริการ “สรุปข่าวฟอเร็กซ์-การเงินโลก” ซึ่งจะรวบรวมเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกับตลาด Forex พร้อมคำอธิบายอย่างละเอียด (ที่ปฏิทินเศรษฐกิจมักไม่ได้บอกอะไร) ทั้งข่าวการขึ้นภาษี อัตราดอกเบี้ย จีนอันฉีดเม็ดเงินเข้าระบบไปเท่าไหร่แล้ว รวมถึงแต่ละวัน “โดนัลด์ ทรัมป์” ออกมาพูดอะไรบ้าง ในส่วนนี้เข้าไปติดตามกันได้ที่หมวด “ข่าว Forex วันนี้” กันได้เลย!
Commentaires